“แหวนเพชร” นับเป็นเครื่องประดับที่ได้รับความนิยมสูงสุดในปัจจุบัน แม้ว่าโดยทั่วไปแล้ว ราคาของมันจะสูงกว่าเครื่องประดับชนิดอื่นมากก็ตาม แต่ในฐานะอัญมณีอันดับหนึ่ง “เพชร”มักจะเป็นตัวเลือกแรกๆ สำหรับคนที่ต้องการเครื่องประดับที่สะท้อนถึงคุณค่า ความงาม และความยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเลือกแหวนสักวงเพื่อมาใช้ในโอกาสสำคัญของชีวิตอย่างการหมั้นหรือการแต่งงาน หากไม่ได้มีแหวนมรดกตกทอดอยู่แล้ว และต้องเลือกซื้อแหวนวงใหม่ แหวนเพชรมักจะเป็นตัวเลือกแรกและตัวเลือกเดียวที่คู่บ่าวสาวเจาะจง
เพชร เป็นอัญมณีซึ่งมีพื้นฐานจากธาตุคาร์บอน มีการจัดเรียงตัวของโมเลกุลเป็นทรงเหลี่ยมแปดหน้า และเป็นแร่ที่แข็งที่สุดตามสเกลของโมส์ (Moh's scale) ซึ่งมีค่าความแข็งเท่ากับ 10 ในธรรมชาติจะพบเพชรได้หลายสี ซึ่งสีที่นิยมที่สุดคือสีขาวบริสุทธิ์ นอกจากนั้นยังมีสีที่หายากได้แก่ สีแดง สีฟ้า สีเขียว สีส้ม และสีชมพู เรียกรวมกันว่าแฟนซีไดมอนด์ ซึ่งมีราคาสูงกว่าเพชรสีขาว เพชรเป็นอัญมณีที่พบได้ทั่วโลก แต่ขุดได้มากที่ประเทศบราซิลและแอฟริกาใต้
แต่เดิมนั้น การเจียระไนเพชรจะผลิตเพชรเป็นทรงกลมเม็ดเล็กๆ แต่เมื่อความนิยมในเพชรมีเพิ่มมากขึ้น จึงมีการผลิตเพชรเพิ่มขึ้นหลายรูปแบบโดยเรียกเพชรเหล่านี้ว่า “เพชรทรงแฟนซี” (Fancy Diamond, Fancy shape diamond) ซึ่งรูปทรงที่ได้รับความนิยมได้แก่ เพชรสี่เหลี่ยม (Princess-cut, Modified Square Brilliant), เพชรหัวใจ (Heart Shape), เพชรหยดน้ำ (Pear Shape)และ เพชรมาคี หรือทรงเมล็ดข้าว (Marquise)
ซึ่งในบรรดาเพชรแฟนซีทั้งหมด “เพชรรูปหัวใจ”ถือว่าเป็นเพชรที่แสดงถึงความโรแมนติกอ่อนหวานมากที่สุด และเป็นที่ต้องการมากที่สุด เนื่องจากเป็นสิ่งแทนความหมายของความรักได้อย่างชัดเจนที่สุด แต่เนื่องจากการเจียระไนให้ได้เพชรหัวใจที่สวยนั้นทำได้ยาก ทำให้เพชรหัวใจมีราคาแพงที่สุดเมื่อเทียบกับเพชรแฟนซีรูปทรงอื่น อนึ่ง คำว่า “เพชรรูปหัวใจ”นั้น หมายถึงเพชรที่ได้รับการเจียระไนจนเป็นรูปหัวใจจริงๆ แต่ในปัจจุบันมีการออกแบบที่หลากหลายขึ้น เช่น ทำตัวเรือนแหวนเป็นรูปหัวใจแล้วใช้เพชรขนาดเล็กมาประดับ ซึ่งจะเรียกว่าเป็นแหวนรูปหัวใจที่ประดับเพชร ไม่ใช่แหวนเพชรรูปหัวใจ
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากคนส่วนใหญ่ นิยมเพชรกลมมากกว่าเพชรหัวใจ หรือเพชรแฟนซีทรงอื่นๆ จึงส่งผลให้ราคาเพชรแฟนซี ต่อกะรัต ต่ำกว่าราคาเพชรกลม เพชรแฟนซีไม่เพียงมีราคากลางต่ำกว่าเพชรกลม แต่ยังได้รับส่วนลดทางการค้ามากกว่าเพชรกลม ดังนั้น ในงบประมาณเดียวกัน หากเราเลือกเพชรรูปหัวใจเราก็ย่อมจะได้เพชรที่มีขนาดใหญ่กว่าเพชรกลม
หลักการของการเลือกซื้อเพชรแฟนซีก็เช่นเดียวกับเพชรทั่วไป คือยึดหลัก 4C’s ได้แก่ Clarity (ความบริสุทธิ์) , Carat (น้ำหนักเพชรเทียบเป็นกะรัต) , Color (สีของเพชร) และสุดท้ายคือ Cut (รูปแบบและทรงการเจียระไน)เป็นพื้นฐาน รวมทั้งดูใบรับประกันจากสถาบันที่น่าเชื่อถือ นอกจากนี้ หากเราต้องการดูสัดส่วนที่เหมาะสมของเพชร เพราะไม่แน่ใจว่าเพชรทรงหัวใจที่เราดูอยู่นั้น มีสัดส่วนที่เหมาะสมหรือไม่ จะสั้นเกินไป หรือจะยาวเกินไปหรือไม่ เราก็สามารถคำนวณหาอัตราส่วนได้ด้วยสูตรนี้คือ :
ความยาว (มม.) ÷ความกว้าง(มม.) = อัตราส่วนของความยาว (ค่าที่ได้มักสูงกว่า 1 เสมอ)
โดยความกว้างจะมีค่าเป็น 1 เสมอ ยกตัวอย่างเช่น ความยาวของเพชรเม็ดนี้ คือ 6.02 มม. และความกว้างของเพชรเม็ดนี้ คือ 4.00 มม. ดังนั้น ความยาว (มม.) ÷ความกว้าง(มม.) = อัตราส่วนของความยาว ตามสูตร ก็จะเท่ากับ 6.02 ÷ 4.00 = 1.50 หรือสรุปได้ว่า อัตราส่วนความยาวต่อความกว้างของเพชร = 1.50 : 1
ซึ่งสำหรับเพชรรูปหัวใจ สัดส่วนที่นิยมสำหรับความกว้าง x ความยาว ก็คือ 1.00 x 1.00 หากได้อัตราส่วน 1.25+ : 1 จะถือว่าเป็นเพชรรูปหัวใจที่ “ยาวเกินไป” และถ้าหากได้อัตราส่วน 1.00 – : 1 ก็จะถือว่าเป็นเพชรรูปหัวใจที่ “สั้นเกินไป”
นอกจากวาระสำคัญอย่างงานหมั้น และงานแต่งงานแล้ว เพชรรูปหัวใจยังเป็นของขวัญสุดพิเศษสำหรับโอกาสพิเศษ เช่น วันเกิด หรือวันวาเลนไทน์ หากต้องการเครื่องประดับที่แทนหัวใจทั้งดวงที่มอบให้แก่กัน ไม่มีอะไรจะเหมาะสมไปมากกว่า “เพชรรูปหัวใจ” อีกแล้ว
บทความดังกล่าวข้างต้นจัดทำโดยทีมงาน บริษัท เลนญ่า จิวเวลรี่ จำกัด ทางเราจึงขอสงวนสิทธิ์ การคัดลอกเนื้อหาทุกบทความของทางบริษัทฯ
กรณีต้องการนำข้อมูลไปใช้หรืออ้างอิง กรุณาติดต่อทีมงานค่ะผ่าน LINE: @LenyaJewelry ค่ะ