โดยทั่วไปแล้ว วัตถุประสงค์แรกสุดของการสวมใส่เครื่องประดับของคนทั่วไป ย่อมเป็น “ความงาม”ที่ผู้สวมใส่ต้องการ เพราะเครื่องประดับจะช่วยเสริมให้ผู้สวมใส่ดูดี สะดุดตา น่ามอง หลายคนดูโดดเด่นขึ้นด้วยเครื่องประดับเก๋ไก๋มีดีไซน์ เพียงไม่กี่ชิ้น หลายคนนิยมสวมใส่เครื่องประดับเพราะเชื่อในพลังอำนาจบางอย่าง เช่น การสวมอัญมณีตามราศีเพื่อส่งเสริมดวงชะตา หรือการสวมเครื่องประดับบางชนิดซึ่งเชื่อว่าจะให้ผลด้านโชคลาภ เป็นต้น
แต่ทราบหรือไม่ว่า การสวมเครื่องประดับนั้น มีส่วนในการช่วยเสริมสุขภาพได้ด้วยนะ โดยอิงตามความเชื่อพื้นฐานเรื่องระบบธาตุซึ่งสัมพันธ์กับความร้อนและความเย็นในร่างกายคนเรา เพราะอุณหภูมิในร่างกายคนเรา มีผลต่อระบบการทำงานหลายๆ ส่วนอาทิ การย่อยอาหาร การหายใจ การไหลเวียนของโลหิต การทำงานของระบบประสาท การผลิตเซลล์สืบพันธุ์ ฯลฯ ตามหลักการของ “ธาตุพื้นฐาน” ของร่างกายมนุษย์นั้น ประกอบด้วยธาตุน้ำและธาตุไฟ หากธาตุทั้งสองสมดุลกัน ระบบการไหลเวียนทั้งร่างกายจะดี ความผิดปกติต่างๆ ก็จะไม่เกิด ร่างกายจะสมดุลเป็นปกติ แต่หากธาตุทั้งสองไม่สมดุล การไหลเวียนไม่ดี จะทำให้เกิดความผิดปกติต่างๆ เช่น ระบบหายใจติดขัด การเผาผลาญอาหารไม่ดี ไขมันสะสม เส้นเลือดอุดตัน นอนไม่หลับ กระสับกระส่าย
เครื่องประดับส่วนใหญ่ทำมาจากโลหะมีค่าเช่น ทอง เงิน นาก ทองเหลือง แต่เครื่องประดับและอัญมณีแต่ละชนิดมีความร้อนและความเย็นไม่เท่ากัน หากสวมใส่เครื่องประดับได้ถูกหลัก ก็จะช่วยเสริมสุขภาพได้ ในทางตรงกันข้าม หากสวมใส่อย่างไม่ถูกหลัก ไม่ถูกตำแหน่งก็มีส่วนทำให้อุณหภูมิในร่างกายไม่ปกติ และเสียสมดุลได้
เครื่องประดับที่ทำจาก “ทอง” รวมทั้งทองแดงและทองเหลืองจะถือเป็นเครื่องประดับที่มีธาตุร้อน เป็นตัวแทนของดวงอาทิตย์และความเป็น “หยาง” ดังนั้น การสวมใส่เครื่องประดับทองจะเป็นการเพิ่มอุณหภูมิ เพิ่มความดัน เพิ่มการสูบฉีดโลหิต เพิ่มความกระปรี้กระเปร่า จึงเหมาะกับคนที่มีรูปร่างผอมบาง ความดันต่ำ อ่อนเพลียง่าย ชีพจรเบา ซึ่งการสวมเครื่องประดับที่ทำจากทองจะช่วยเพิ่มความร้อนให้กับร่างกาย ช่วยปรับร่างกายให้สมดุลขึ้น
ส่วนเครื่องประดับที่ทำจาก “เงิน” จะเป็นตัวแทนของดวงจันทร์และความเป็น “หยิน” มีลักษณะของความเย็น สามารถช่วยบรรเทาอาการบวมแดง ความดันสูง รวมทั้งยังช่วยลดพฤติกรรมอารมณ์ร้อน หงุดหงิดง่าย ทำอะไรเร่งร้อนเกินควร แต่อย่างไรก็ตาม ควรคำนึงถึงด้วยว่า ไม่ควรสวมใส่เครื่องประดับเงินในฤดูหนาว เพราะยิ่งจะไปเพิ่มความเย็นให้ร่างกาย
นอกจากเครื่องประดับที่ทำจากเงินแล้ว เครื่องประดับที่ทำจากไข่มุก หยก และคริสตัลสีม่วงก็มีลักษณะเป็นหยินเช่นเดียวกัน ซึ่งเหมาะที่จะใส่ในฤดูร้อนเพราะจะทำให้เย็นสบาย แต่ที่ควรทราบคือ ไม่ควรใช้เครื่องประดับที่มีขนาดใหญ่เกินไป (เช่น สร้อยเส้นใหญ่) เพราะจะทำให้เสียสมดุลร่างกายได้ ใช้เครื่องประดับขนาดพอเหมาะจะดีกว่า
การเลือกสวมใส่เครื่องประดับในตำแหน่งต่างๆ ของร่างกาย ก็มีผลต่อสุขภาพได้เช่นเดียวกัน หากสามารถเลือกเครื่องประดับที่เหมาะสมได้ จะมีส่วนช่วยบรรเทาอาการผิดปกติ อาทิ ความผิดปกติที่ “ท้อง” ถ้าหากมีอาการแน่นท้อง ปวดเอว ปวดกระดูกเชิงกราน ควรหาหาหัวเข็มขัดที่เป็นทองเหลืองมาใส่ แต่หากมีลักษณะท้องร้อน คือเจริญอาหาร กินเก่ง กระเพาะอาหารและลำไส้ทำงานมากกว่าปกติ หลั่งน้ำย่อยออกมามาก อาหารที่กินจะถูกย่อยอย่างรวดเร็ว ทำให้หิวเร็ว ควรจะหาหัวเข็มขัดที่เป็นเงินมาสวมใส่ จะช่วยบรรเทาอาการกินเก่งได้
ส่วนการสวมแหวนนั้น ก็มีการระบุว่า การสวมแหวนชนิดใดที่นิ้วไหน จะมีส่วนช่วยในด้านสุขภาพอย่างไรบ้าง อาทิ “สวมแหวนเงิน” ที่นิ้วหัวแม่มือช่วยทำให้ปอดแข็งแรง,ที่นิ้วชี้จะช่วยลดความอ้วนแก้ม้ามโต,ที่นิ้วกลางมีผลช่วยรักษาอาการโรคหัวใจต่างๆ,ที่นิ้วนางจะช่วยรักษาโรคตับ และที่นิ้วก้อยจะช่วยบำรุงไตให้แข็งแรง
“สวมแหวนทอง” ที่นิ้วหัวแม่มือจะช่วยรักษาลำไส้ใหญ่ทำให้ขับถ่ายสะดวก,ที่นิ้วชี้จะช่วยบำบัดความผิดปกติเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร,ที่นิ้วกลางจะเหมาะสำหรับผู้ที่มักจะเป็นไข้บ่อยหรือมีไขมันเกาะลำไส้เยอะ, ที่นิ้วนางช่วยบำบัดอาการของโรคไมเกรนปวดหัวข้างเดียวหรือนอนไม่หลับ และ ที่นิ้วก้อยจะช่วยบำบัดอาการเกี่ยวกับมดลูกรังไข่โรคเกี่ยวกับสมรรถภาพทางเพศ ต่อมลูกหมาก กระเพาะปัสสาวะไม่ดี
อย่างไรก็ตาม คงไม่ได้หมายความว่า ใส่เครื่องประดับได้ถูกต้องถูกตำแหน่งแล้วสุขภาพจะดีตลอดไป การดูแลสุขภาพตนเองด้วยการพักผ่อนอย่างเพียงพอ ทานอาหารที่มีประโยชน์ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ก็ยังคงเป็นวิธีการหลักในการดูแลสุขภาพที่เราทุกคนควรปฏิบัติเป็นประจำ
บทความดังกล่าวข้างต้นจัดทำโดยทีมงาน บริษัท เลนญ่า จิวเวลรี่ จำกัด ทางเราจึงขอสงวนสิทธิ์ การคัดลอกเนื้อหาทุกบทความของทางบริษัทฯ
กรณีต้องการนำข้อมูลไปใช้หรืออ้างอิง กรุณาติดต่อทีมงานค่ะผ่าน LINE: @LenyaJewelry ค่ะ