ด้วยคุณสมบัติที่มีสีขาวสว่าง ดูนุ่มนวล มีคุณสมบัติที่สามารถบิดหรือนำโค้งงอได้ โลหะเงิน 92.5%  นำมาผสมกับทองแดง 7.5%  ทำให้มีความแข็งเพิ่มขึ้น แต่ยังคงมีความอ่อนทำให้สามารถทำงานได้ง่าย จึงเป็นที่นิยมของช่างทำเครื่องประดับและภาชนะเงิน   ส่วนผสมนี้เรียก “เงินสเตอร์ริง”  (STERING SILVER) เป็นเวลาหลายศตวรรษที่ช่างทำเครื่องเงินพัฒนาฝีมือเพื่อสร้างสรรค์งานออกแบบ   ในปัจจุบันเครื่องเงินราคาสูงจากช่างฝีมือประณีตเป็นของที่ระลึกที่ดีที่สุดอย่างหนึ่ง งานที่นิยม  ที่ถือว่าเป็นความสำเร็จคือชิ้นงานสำหรับเป็นเครื่องประดับตกแต่งบ้านที่มั่งคั่ง คือเชิงเทียน กรอบรูป  ของใช้สำหรับเด็ก ชุดน้ำชาและของใช้บนโต๊ะอาหารเป็นต้น  

โลหะเงินนอกจากจะใช้เป็นเครื่องใช้ตกแต่งบ้านแล้ว ยังมีใช้ในอุตสาหกรรมผลิตทองคำ (เป็นโลหะผสมในทองคำ)  ทำเหรียญ  ธูรกิจฟิลม์เป็นต้น ดังนั้นจะเห็นว่าโลหะเงินมีความสำคัญเป็นอันมาก

การนำเครื่องเงินมาใช้นั้นมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ ในอารยะธรรมอียิปต์  อารยะธรรมเมโสโปเตเมีย  อารยะธรรมกรีก โรมัน อินเดีย และจีน เรียกได้ว่าทุกอารยะธรรม

เครื่องเงินในในยุคอารยะธรรม อียิปต์โบราณ ใช้เป็นเครื่องประดับในทางศาสนา ในยุคแรกๆ โลหะเงินนั้นหายากและมีสมญานามว่า “ทองคำสีขาว” อีกสมญานามคือ “โลหะพระจันทร์” ให้ความรู้สึกเย็นและเรืองแสงเหมือนพระจันทร์ส่องสะท้อนในน้ำ เพราะความดูหรูหราของเครื่องเงิน   จึงถูกนำไปใช้เป็นของใช้และเครื่องประดับ  ทั้งของใช้และภาชนะเครื่องเงินมีการนำไปใช้ตกแต่งบ้านที่มีฐานะมั่งคั่ง  ร่ำรวย 

อารยะธรรมของเครื่องเงินยืนยันได้จาก  การพบหลักฐานว่ามีการใช้เครื่องประดับเงินจากหลุมฝังศพของชาวสุเมเลี่ยนในอารยะธรรมเมโสโปเตเมียโบราณ อายุ 3.000 ปีก่อนคริสตศักราช  เหมืองแร่งเงินแห่งแรกน่าจะอยู่ที่ อนาโตเลียหรือประเทศตุรกีในปัจจุบัน  ชาวแคลเดียนเป็นขนเผ่าในอารยะธรรมเมโสโปเตเมีย ชนเผ่าแรกที่นำโลหะเงินมาใช้เมื่อ 2,500 ปีก่อนคริสตศักราช

เครื่องเงินมีวิวัฒนาการทางด้านงานฝีมือเกิดขึ้นทั้งในเอเชีย ยุโรปและอเมริกาใต้ จากการขุดเหมืองและการเข้าทำสงครามและได้รับอิทธิพลจากช่างเงินของประเทศที่ตกเป็นอาณานิคม

ยุคก่อนคริสต์ศักราช 

1,000ปี ก่อนคริสต์ศักราช ประเทศอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้ ได้มีการนำเทคนิคช่างเงินชั้นสูงเข้ามาใช้ในงานเครื่องเงิน   อารยะธรรมกรีก สมัย 900ปี ก่อนคริสตศักราชเริ่มมีการทำเหมืองแร่เงินชื่อ  Larium ใกล้กรุงเอเธนส์และนับจากนั้นได้มีการทำเครื่องเงินจากเหมืองนี้ไปถึง 1,000 ปีถัดไป  ในแถบเอเชีย 200ปี ก่อนคริสตศักราช ช่างเงินชาวจีนและเกาหลีอพยพเข้าไปประเทศญี่ปุ่น   ส่วนอารยะธรรมโรมัน กรุงโรมใช้โลหะเงินทำเหรียญและเครื่องใช้ที่เป็นเครื่องเงินเครื่องใช้ในบ้าน

เข้ายุคคริสต์ศักราช

ในศตวรรษที่ 1 อารยะธรรมสินธุแห่งอินเดียได้ทำถ้วยดื่มน้ำจากโลหะเงิน รูปแบบเหมือนแบบยุคเฮเลนนิสติค    สำหรับในประเทศจีนนั้น ตั้งแต่ ค.ศ. 600   งานเครื่องเงิน มีความสำคัญมากในราชวงศ์ถังยาวนาน มาจนถึง ค.ศ.618-907 ก่อนที่จะหายไปพักหนึ่ง    จนกระทั่งปี ค.ศ. 1,000 เทคนิคช่างเงินชาวจีนได้มีการนำวิธีการแผ่เงินเป็นแผ่นและดุนลาย หรือ  Repoussé technique มาใช้กับงานเครื่องเงินจนกลายเป็นงานที่นิยมทั่วไปในในราชวงศ์ซ่ง  

ค.ศ.900 เทคนิคงานฝีมือประณีตของเครื่องเงินแพร่หลายไปถึงประเทศเม็กซิโก  ในยุค the Oaxaca region  ขณะที่อีกแถบหนึ่งของโลกยุโรป  คือประเทศสเปนมีเหมืองแร่เงินอันเป็นแหล่งแร่เงินที่สำคัญของโลก เช่นเดียวกันกับเหมืองแร่เงินประเทศในแถบยุโรปตะวันออก  (Germany and Austria-Hungary)  และในศตวรรษที่ 16 สเปนได้ทำสงครามชนะ Mexican, Panamanian, the Andean and Costa Rican Indians   จากการล่าอาณานิคมของสเปนครั้งนี้   ทำให้สามารถได้ผลประโยชน์จากฝีมือช่างเงินขั้นศิลปะ จากเม็กซิโกและจากประเทศอเมริกาใต้เหล่านี้สามารถผลิตเครื่องเงินได้เป็นอัตรา 85% ของทั้งโลก  

ศตวรรษที่ 17 ชนเผ่าพื้นเมืองอเมริกันที่อาศัยในนิวยอร์กปัจจุบัน  (the Seneca, Iroquois, Cayuga และ  Onondaga) เริ่มทำเครื่องประดับโดย เรียนรู้เทคนิคทำลวดลายสวยงามอย่างเช่น ตอกลาย  ทำลายนูน  ใช้ลวดเดินลวดลาย และการชุบลาย  ส่วนในแถบเอเชียศตวรรษที่ 18 เครื่องเงินก็ได้แผ่ขยาย แพ่รหลาย ในประเทศจีน เป็นอย่างมาก

ในปี 1850  ในประเทศอังกฤษ สมเด็จพระราชินีวิกตอเรีย เริ่มการนำลวดลาย เซลติกแบบโบราณ มาใช้ในการออกแบบเครื่องประดับเงิน ที่นิยมขึ้นใน ช่วงกลางของศตวรรษและในตอนท้าย ของ ศตวรรษที่ 19  

ในเวลาต่อมาเครื่องประดับเงิน ได้มี ราคาไม่แพงมาก เนื่องจาก ความก้าวหน้าในเทคโนโลยีมีการประดิษฐ์เครื่องชุบ เคลือบโลหะด้วยไฟฟ้า ได้รับการคิดค้น โดย ทิฟฟานี่ และ บริษัท เริ่มผลิต เครื่องเงิน ในนิวยอร์ก ตลอดจนสหรัฐอเมริกาลดส่วนผสมของเนื้อเงินเหลือเงินบริสุทธิ์เพียง 40% เท่านั้น 

เครื่องประดับเงินนั้นมีความสำคัญมานับแต่โบราณ เรียกว่ามีการนำไปใช้ในทุกอารยะธรรมโบราณ นั้นสะท้อนให้เห็นว่าเครื่องเงินนั้นมีความนิยมกันอย่างแพร่หลายมาแต่โบราณและเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน และเชื่อว่าไปจนถึงอนาคตและตลอดกาล

บทความดังกล่าวข้างต้นจัดทำโดยทีมงาน บริษัท เลนญ่า จิวเวลรี่ จำกัด ทางเราจึงขอสงวนสิทธิ์ การคัดลอกเนื้อหาทุกบทความของทางบริษัทฯ
กรณีต้องการนำข้อมูลไปใช้หรืออ้างอิง กรุณาติดต่อทีมงานค่ะผ่าน LINE: @LenyaJewelry ค่ะ