เครื่องประดับนั้นเกิดมาคู่กับมนุษย์และอารยะธรรมความเป็นอยู่มานานนับแสนปีก่อนคริสตศักราช แสดงให้เห็นว่ายาวนานทีเดียว เมื่อมนุษย์รู้จักใส่เสื้อผ้าและใช้เครื่องมือเครื่องไม้ในการดำรงชีวิต มนุษย์ก็เริ่มรู้จักประดิษฐ์เครื่องประดับ
เครื่องประดับมีความสำคัญทั้งต่อชนชั้นสูง ศาสนาและชนชั้นกลาง หลังจาการล่มสลายของอียิปต์และยุคโรมันแล้ว เครื่องประดับอัญมณีมีวิวัฒนาการในทางยุโรปตะวันตก และได้เข้ามาในประเทศไทยในยุคที่รับอิทธิพลจากต่างชาติในสมัยรัชกาลที่ 5 (แต่เดิมเป็นเครื่องประดับทองคำเสียส่วนใหญ่ ซึ่งได้นำเข้ามาจากชาวจีนที่อพยพเข้ามาอาศัยในแดนสยาม)
เครื่องประดับบอกสไตล์ บุคลิก และความเป็นตัวตนของเรา ในแต่ละยุคแต่ละสมัย
เรามาดูอิทธิพลของอารยธรรมในยุคต่างๆเพื่อแสดงให้เห็นวิวัฒนาการของเครื่องประดับตามความเชื่อและปัจจัยแวดล้อมตามลำดับช่วงเวลา ดังนี้
100,000 ปีก่อนคริสตกาลมีการค้นพบเครื่องประดับลูกปัดที่ทำจากเปลือกหอย คาดว่าน่าจะใช้เป็นเครื่องราง ในประเทศโมร็อกโก,อิสราเอล,อัลจีเรีย และอเมริกาใต้
38,000 ปีก่อนคริสตกาล มีการค้นพบลูกปัดที่ทำจากฟันและกระดูกสัตว์ ในประเทศฝรั่งเศส
28,000 ปีก่อนคริสตกาล ค้นพบเครื่องประดับงาช้างและเครื่องประดับเปลือกหอยฟอสซิล ในอารยธรรม Gravettian ตะวันออกในประเทศสาธารณรัฐเช็ค
4,400 ปีก่อนคริสตกาล เริ่มมีการเลี้ยงสุนัขและแมวในบ้าน และมีการประดิษฐ์สิ่งประดิษฐ์ที่มีล้อ อารยะธรรมโบราณทราเซียน ในยุคนี้เริ่มมีการใช้ทองคำในการทำสิ่งของใช้
5,000-30 ปีก่อนคริสตกาล มีการใช้ทองแดงกับเครื่องประดับและตามลุ่มแม่น้ำ มีการรวบรวมและสะสมทองคำ มีการทำเครื่องประดับในรูปแบบของแมลงด้วงปีกแข็ง (scarab beetle) รูปปีกนก,สุนัขจิ้งจอก และกวาง พลอยที่นิยมใช้กับเครื่องประดับ ในยุคนี้เป็นพวก คานีเลี่ยน,เฟลด์สปาร์,อเมธิสท์,แคลเซโดนี,ลาพิสลาซูลี และเทอร์ควอยซ์
2,750-1,200 ปีก่อนคริสตกาลในยุคเมโสโปรเตเมียโบราณ มีการผลิตเครื่องประดับหลากหลายโดยมีออกแบบจากใบองุ่น เครื่องประดับที่เป็นเอกลักษณ์ของยุคนี้เป็นลูกปัดทรงกรวยและเครื่องประดับที่ใช้เกลียวลวดมาประดิษฐ์ พลอยประดับเป็นประเภท อาเกท,ลาพิส,แจสเปอร์และคานีเลี่ยน
1,400-30 ปีก่อนคริสตกาล เครื่องประดับกรีกในรูปแบบสัตว์และเปลือกหอย ตกแต่งพลอยอเมธิสต์,มุก,แคลเซโดนี,คานีเลี่ยน,การ์เน็ตและมรกต
500-400 ปีก่อนคริสตกาลอารยะธรรมโรมันโบราณ ส่วนใหญ่นิยมใช้แหวนตราสัญลักษณ์ เครื่องรางที่เป็นลวดลายสัตว์และรูปงูขด ส่วนพลอยประดับเป็น แซฟไฟร์,มรกต,มุก,การ์เน็ต,หินอ่อน และเพชร
คริสตศักราชที่ 400-1,000 ในยุโรปยุคมืดมีการใช้เครื่องประดับสำหรับชนชั้นสูงและราชวงศ์
ปี 1066- 1485 ในยุคกลางของยุโรป เครื่องประดับใช้สำหรับตกแต่งศรีษะและเครื่องแต่งกายที่ใช้สำหรับในพิธีศาสนา เครื่องประดับตกแต่งด้วยทับทิม,มุก,มรกต,พลอยเนื้ออ่อนและเพชร
ปี 1500-1830 การเข้าสู่ยุคเรอนาซองค์ และจอร์เจี่ยนเป็นยุคแห่งความรู้ มีการนำเครื่องประดับเข้าไปใช้อย่างแพร่หลายในยุโรปในกลุ่มชนชั้นกลาง นอกเหนือจากคนชั้นสูงและราชวงศ์ เครื่องประดับจากพลอยได้รับการออกแบบอย่างประณีต และเครื่องประดับเพชรได้กลายเป็นเครื่องประดับที่นิยมในงานราตรี
ปี 1835-1900 ยุควิคตอเรี่ยนกลายเป็นสไตล์ที่นิยมในยุโรป
ต้นคริสตศักราช 1900 ยุคนี้เป็นที่จดจำในสไตล์อารต์นูโวและเอ็ดวาร์ด ปี 1920-1935 อิทธิพลของเครื่องประดับสไตล์ Art Deco ที่มีสีสดใสเต็มไปด้วยรูปทรงเรขาคณิต การออกแบบเป็นลวดลายแบบนามธรรม ในยุคนี้เริ่มมีการนิยมสวมนาฬิกาข้อมือเป็นเครื่องประดับด้วย
ปี 1939-1949 เพราะอิทธิพลของสงครามโลกครั้งที่สอง และสงครามแผ่ไปทั่วโลก มีการห้ามเรือเข้าออกท่าโดยพลการ การขนส่งอัญมณีที่มีค่าประเภทพลอยเนื้อแข็ง เพชร จึงชะงักและห้ามส่งไปด้วย เครื่องประดับจึงมีการ ออกแบบให้มีส่วนเนื้อโลหะมากขึ้น สลักลวดลายที่ชอบ และตกแต่งด้วยพลอยเนื้ออ่อนและพลอยสังเคราะห์แทน
บทความดังกล่าวข้างต้นจัดทำโดยทีมงาน บริษัท เลนญ่า จิวเวลรี่ จำกัด ทางเราจึงขอสงวนสิทธิ์ การคัดลอกเนื้อหาทุกบทความของทางบริษัทฯ
กรณีต้องการนำข้อมูลไปใช้หรืออ้างอิง กรุณาติดต่อทีมงานค่ะผ่าน LINE: @LenyaJewelry ค่ะ