“ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง” เป็นสำนวนไทยที่ยังสะท้อนความจริงได้ทุกยุคสมัย ไม่ว่าจะในวัฒนธรรมใด ในสังคมใด ความสวยงามที่เกิดจากการแต่งกาย คือรสนิยม คือการจรรโลงใจ คือการร่วมสร้างความงามให้เกิดขึ้นในโลก และเพราะการแต่งกายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรม เครื่องประดับจึงเป็นส่วนหนึ่งวัฒนธรรมเช่นเดียวกัน

คำว่า “เครื่องประดับ” แท้จริงแล้ว มีความหมายที่กว้างขวางมาก เพราะหน้าที่ของเครื่องประดับ ไม่ได้มีเพียงแค่เสริมความงามเท่านั้น 

ในสมัยอียิปต์โบราณและสมัยกรีกโบราณ สร้อยคอทองคำ มงกุฎทองคำ ไม้เท้าทองคำ สร้อยและกำไลประดับด้วยอัญมณีหลากสี เป็นสิ่งที่กษัตริย์ เชื้อพระวงศ์ และนักบวชชั้นสูงเท่านั้นจะสามารถครอบครองได้ ซึ่งการที่เครื่องประดับได้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจนี้ ย่อมบ่งชี้ถึงการให้คุณค่าอย่างสูงยิ่งมานับแต่โบราณกาล

สิ่งที่มีค่าเช่น รัตนชาติ อัญมณี จะถูกนำไปมอบให้กับผู้มีอำนาจสูงสุด ซึ่งเป็นข้อตกลงที่พบเห็นได้ในทุกอารยธรรม แม้แต่ในชนเผ่าดึกดำบรรพ์ ยังพบว่า สิ่งของมีค่าเช่น งาช้าง เขากวาง หนังเสือ ขนนกที่สวยงาม จะถูกนำไปมอบให้แก่หัวหน้าเผ่า หรือผู้มีอำนาจสูงสุด ซึ่งผู้มีอำนาจสูงสุด ก็จะนำสิ่งเหล่านี้ไปเป็นของรางวัลให้กับผู้สร้างประโยชน์ หรือสร้างเกียรติยศแก่เผ่า เช่น นักรบผู้กล้าหาญ หญิงงามผู้เลอโฉม ต่อไป

ในอดีต เครื่องประดับจึงเป็นสัญลักษณ์ทางสังคม ซึ่งบ่งบอกสถานภาพของคนๆ นั้น เช่น สวมสร้อยคอที่มีเขี้ยวเสือ ย่อมหมายถึงนักรบ สวมหมวกที่ประดับด้วยขนนกยูงหมายถึงสตรีสูงศักดิ์ ซึ่งเมื่ออารยธรรมมนุษย์เจริญขึ้น เครื่องประดับจึงได้รับการพัฒนาให้มีความแข็งแกร่งทนทานและความงดงามในเวลาเดียวกัน

“มงกุฎ” นับเป็นเครื่องประดับที่มีความหมายในระดับสูงสุด เพราะเป็นเครื่องหมายแห่งยศถา แห่งอำนาจ แห่งเกียรติยศ กษัตริย์ในแต่ละราชวงศ์ล้วนมีมงกุฎเป็นเครื่องหมายของความเป็นกษัตริย์ รวมทั้งเชื้อพระวงศ์ และเจ้าผู้ครองนครต่างๆ ก็ล้วนใช้มงกุฎเป็นเครื่องหมายบอกสถานภาพ

ไม่ใช่เพียงมงกุฎทองคำ หรือมงกุฎประดับอัญมณีเท่านั้น มงกุฏจากกิ่งไม้ธรรมดาอย่าง “มงกุฎช่อมะกอก” ยังเป็นสัญลักษณ์ของผู้ชนะในกีฬาโอลิมปิกมาตั้งแต่ครั้งโบราณ

กระทั่งในปัจจุบัน มงกุฎยังเพิ่มความหมายใหม่อีกหนึ่งประการ นั่นคือ “ผู้มีความงามเป็นเลิศ” ผู้ชนะการประกวดความงามในทุกเวที ทั้งระดับประเทศและระดับโลก ล้วนได้รับมงกุฎเป็นเครื่องหมายแห่งความงาม

ความหมายของเครื่องประดับขยายขอบเขตกว้างขวางขึ้นไปเรื่อยๆ ตามความก้าวหน้าของยุคสมัย นอกจากความหมายเดิม คือแสดงสถานภาพ และเพิ่มความงามแล้ว ยังมีเครื่องประดับยอดนิยมที่ใช้ในการบอกเวลา ได้แก่ นาฬิกา ,เครื่องประดับที่ใช้ในการแสดงออกทางความคิด เช่น ริสต์แบนด์ ,เครื่องประดับที่ใช้บอกสัญลักษณ์ของความเป็นพวกเดียวกัน หรือมีรสนิยมแบบเดียวกัน เช่น เครื่องประดับแบบ Street Art ฯลฯ

หากเรามองเห็นและเข้าใจหน้าที่อันสำคัญของเครื่องประดับ คือการเพิ่มความโดดเด่นให้กับการแต่งกาย แม้เราจะหน้าตาธรรมดา แต่งตัวธรรมดา แต่หากเลือกใช้เครื่องประดับได้อย่างเหมาะสม เราก็สามารถจะกลายเป็นคนที่ดูโดดเด่นได้ เช่น เราเป็นคนชอบแต่งตัวง่ายๆ เสื้อยืด กางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบ หากมีเครื่องประดับเก๋ๆ สักชิ้น เช่น กำไลแขน หรือ จี้ห้อยคอที่มีดีไซน์สวยงาม การแต่งกายที่เรียบง่ายของเราก็จะโดดเด่นขึ้นมาได้ทันที

ที่สำคัญคือ เครื่องประดับนั้น อาจไม่จำเป็นต้องดูหรูหรา ต้องมีราคาแพงเสมอไป แต่ขอให้เราชอบ และเข้ากันได้กับสไตล์การแต่งตัวของเราในขณะนั้นๆ เช่น เครื่องประดับในวันพักผ่อนไปเที่ยวกับเพื่อนก็อาจจะเป็นแค่สร้อยคอหลากสี กับกำไลเงินธรรมดา แต่เครื่องประดับสำหรับไปงานเลี้ยงฉลองการแต่งงาน อาจจะต้องเป็นสร้อย กำไล ต่างหู ที่ดีไซน์มาเป็นชุดเดียวกัน

การเลือกเครื่องประดับ ก็เหมือนกับการแต่งกาย หากเลือกได้อย่างเหมาะสม ก็จะเป็นความสนุกสนาน และทำให้แต่ละวันของเรา แต่งแต้มด้วยสีสันและมีชีวิตชีวา

บทความดังกล่าวข้างต้นจัดทำโดยทีมงาน บริษัท เลนญ่า จิวเวลรี่ จำกัด ทางเราจึงขอสงวนสิทธิ์ การคัดลอกเนื้อหาทุกบทความของทางบริษัทฯ
กรณีต้องการนำข้อมูลไปใช้หรืออ้างอิง กรุณาติดต่อทีมงานค่ะผ่าน LINE: @LenyaJewelry ค่ะ