ในบรรดาอัญมณีทรงคุณค่ามากมายหลายชนิด นับแต่โบราณกาลมา “มรกต” คืออัญมณีที่เกี่ยวพันกับอารยธรรมของมนุษยชาติมาโดยตลอด ในหลายๆ อารยธรรมทั่วโลก จะปรากฏว่า มรกตได้มีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยทั้งด้านความเชื่อ ด้านการบำบัดรักษา หรือการเป็นเครื่องประดับที่เสริมคุณค่า เสริมบารมีของผู้ครอบครอง เนื่องจากมรกตถือเป็นของหายาก เป็นของขวัญจากพระเป็นเจ้า ซึ่งผู้มีสิทธิ์ครอบครองคือผู้ที่ได้รับอำนาจจากพระเจ้าให้ปกครองแผ่นดิน มรกตจึงมักจะอยู่ในการครอบครองของกษัตริย์ ราชวงศ์ชั้นสูง หรือนักบวชระดับสูงเท่านั้น
เหมืองมรกตที่เก่าแก่ที่สุดที่ได้มีการบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์คือเหมืองของคลีโอพัตรา ราชินีผู้เลอโฉมแห่งอียิปต์ ซึ่งเป็นเหมืองที่อยู่ใกล้ทะเลแดง ชาวอียิปต์ในสมัยโบราณ จะใช้มรกตเพื่อการบำบัดและฟื้นฟูเป็นหลัก โดยเชื่อว่ามรกตสามารถรักษาอาการผิดปกติเกี่ยวกับตาได้เป็นอย่างดี ทั้งยังสามารถรักษาโรคร้ายแรงอย่างกาฬโรคได้ด้วย รวมทั้งเพียงแค่พกมรกตไว้กับตัวก็สามารถช่วยกระตุ้นให้มีชีวิตชีวา มีความสดชื่นแจ่มใสได้ตลอดทั้งวัน และนอกจากสุขภาพกายแล้ว มรกตยังช่วยในเรื่องสุขภาพใจได้ หากรู้สึกว่า กำลังมีปัญหาเกี่ยวกับความรัก ความสัมพันธ์อยู่ในสถานะที่ไม่ค่อยดีสักเท่าไร การสวมมรกตไว้จะช่วยให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย ความหวาดวิตกและความเครียดจะค่อยๆ จางลง ขณะเดียวกันความรู้สึกดีๆ ต่อกัน จะค่อยๆ เพิ่มขึ้น
ส่วนความเชื่อของชาวกรีกโบราณ ถือว่ามรกตคืออัญมณีของเทพธิดาแห่งความรัก และกำหนดให้มรกตเป็นอัญมณีสำหรับผู้ที่เกิดเดือนพฤษภาคม
ในชมพูทวีป หรือประเทศอินเดีย ชาวฮินดูโบราณนิยมนำมรกตมาทำเป็นสร้อยร่วมกับทับทิม ด้วยความเชื่อว่า พลังอำนาจของมรกตนั้น มีฤทธิ์ในการขับไล่ความชั่วร้าย ขับไล่ภูตผีปีศาจ เนื่องจากยามค่ำคืนเป็นช่วงเวลาของภูตผีปีศาจ และพลังด้านมืด การสวมมรกตจะช่วยป้องกันไม่ให้ความชั่วร้ายเหล่านั้นมาทำอันตรายเราได้ ดังนั้น มรกตจึงนับได้ว่าเป็น “อัญมณีแห่งรัตติกาล” เป็นแสงสีเขียวสดใสที่เปล่งประกายแห่งการพิทักษ์ป้องกัน
ส่วนในแถบยุโรป เชื่อว่ามรกตมีอำนาจในการดึงดูดใจฝ่ายตรงข้าม สามารถโน้มน้าวให้ฝ่ายตรงข้ามเชื่อในคำพูดได้ ในหมู่พ่อค้าจึงนิยมสวมสร้อยมรกต เพื่อให้การต่อรองหรือเจรจาเรื่องการค้าประสบความสำเร็จ
ข้ามไปอีกซีกโลก ที่ประเทศโคลัมเบียแถบอเมริกาใต้ ซึ่งมีมรกตเป็นจำนวนมากและเป็นแหล่งมรกตที่มีคุณภาพสูงที่สุดในโลก ชาวโคลัมเบียเชื่อในพลังอำนาจของมรกตว่าเป็นหินที่มีพลังของพระเจ้า ฉะนั้น หลายๆ ครอบครัวจึงมักจะมีมรกตวางไว้บนแท่นบูชา เพราะเชื่อว่า พลังอำนาจของมรกตจะทำให้คนในบ้านผูกพันสามัคคีกัน
สำหรับประเทศไทย ไม่มีมรกตใดๆ ที่จะเป็นที่รู้จักมากไปกว่า “พระแก้วมรกต” หรือ พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร พระคู่บ้านคู่เมืองของสยามประเทศ ซึ่งประดิษฐานอยู่ที่วัดพระแก้ว ซึ่งมีประวัติความเป็นมายาวนาน และเป็นที่เคารพสักการะของชาวพุทธทุกคน แต่แท้จริงแล้ว พระแก้วมรกตไม่ได้สร้างจากมรกต แต่สร้างจากหยกเนไฟรต์ (Nephrite Jade)ซึ่งเป็นแร่สีเขียวใสที่มีความเหนียวมาก สามารถนำไปแกะสลักให้เป็นรูปร่างและลวดลายได้
นอกจากความเชื่อตามทวีปต่างๆ ของโลกดังที่กล่าวมาแล้ว ยังมีความเชื่อในหลายส่วนของโลกว่า มรกตสามารถป้องกันอสรพิษได้ทุกชนิด ทั้งยังช่วยในด้านการทำงานของสมอง เพิ่มความสามารถในการจดจำ และการอ่านสถานการณ์ หากได้มรกตเนื้อดีไปครอบครอง ดวงชะตาย่อมถูกชักนำให้ดำเนินไปสู่ความสำเร็จ เกียรติยศ และโชคลาภ
มรกตเป็นแร่ที่หายาก หากเจียระไน และประกอบเป็นแหวน สร้อย จี้ หรือต่างหูแล้ว ก็จะยิ่งมีราคาสูงขึ้นอีกหลายเท่าตัว ยิ่งมรกตเนื้อดีที่มีความสว่างใสในเนื้อ ยิ่งมีราคาสูง แต่การเลือกซื้อมรกตก็เป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงให้มาก เนื่องจากมรกตที่เนื้อไม่ดี ขุ่นมัว หรือมีตำหนิในเนื้อ นอกจากอาจจะไม่มีพลังอำนาจตามความเชื่อที่กล่าวมาแล้ว ยังอาจส่งพลังที่ไม่ดีออกมาด้วย
แม้จะมีอัญมณีมากมาย ที่สามารถเปล่งแสงได้สวยงามในยามค่ำคืน แต่ว่ากันว่า อัญมณีที่สามารถสะท้อนแสงจันทร์ได้อย่างลุ่มลึกและเจิดจรัสนั้นคือมรกต ทั้งด้วยคุณสมบัติแห่งการคุ้มครองผู้สวมใส่ในยามค่ำคืน จึงอาจกล่าวได้ว่า มรกตคือ “อัญมณีแห่งรัตติกาล” อย่างแท้จริง
บทความดังกล่าวข้างต้นจัดทำโดยทีมงาน บริษัท เลนญ่า จิวเวลรี่ จำกัด ทางเราจึงขอสงวนสิทธิ์ การคัดลอกเนื้อหาทุกบทความของทางบริษัทฯ
กรณีต้องการนำข้อมูลไปใช้หรืออ้างอิง กรุณาติดต่อทีมงานค่ะผ่าน LINE: @LenyaJewelry ค่ะ