หากจะกล่าวถึง “ไหมดำ” หรือ “แก้วขนเหล็ก” ดูเหมือนจะเป็นชื่อที่สร้างความตื่นตะลึง และน่าสนใจในหมู่ของนักสะสมไม่น้อยทีเดียว โดยเฉพาะนักสะสมอัญมณี ที่ชอบความตื่นเต้นของเรื่องราวประวัติศาสตร์อันยาวนาน และเชื่อถือในความศักดิ์สิทธิ์ของอัญมณีชนิดนั้นๆ ซึ่งแน่นอนว่า “ไหมดำ” หรือ “แก้วขนเหล็ก” ก็คือหนึ่งในความน่าสนใจเหล่านั้น ที่ไม่เคยถูกมองข้ามเลยตลอดช่วง 4 ศตวรรษที่ผ่านมา…
ไหมดำ หรือแก้วขนเหล็ก สามารถแบ่งออกได้ 2 ชนิดคือ แก้วน้ำใส (เนื้อแก้วเป็นสีขาวใส) และแก้วน้ำตัน (เนื้อแก้วสีขุ่น) เชื่อกันว่าอัญมณีทั้งสองชนิดนี้ต่างก็มีพลังดึงดูดซึ่งกันและกัน โดยแก้วน้ำใสนั้นคนโบราณจะเรียกว่า “แก้วตัวผู้” ส่วนแก้วน้ำตันนั้น คนโบราณจะเรียกว่า “แก้วตัวเมีย” ทั้งสองต่างมีคุณสมบัติโดดเด่นในด้านโชคลาภ อำนาจ บารมี และความคงกระพัน พลังของอัญมณีแก้วขนเหล็กจะบันดาลให้ผู้ครอบครองแคล้วคลาด ปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง และประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานอีกด้วย
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น “ไหมดำ” หรือ “แก้วขนเหล็ก” ก็เป็นเช่นอัญมณี “โป่งข่าม” อื่นๆ ที่ถือกำเนิดขึ้นตามธรรมชาติ และมีความเชื่อเกี่ยวกับโชคลางที่ฝังรากลึกมาพร้อมๆ กับมัน ซึ่งไม่ว่าจะเป็น ไหมทอง (แก้วโป่งข้ามที่มีเส้นขนภายในสีทองพาดผ่าน) ไหมนาค (แก้วโป่งข่ามที่มีเส้นขนสีน้ำตาลแดง) หรือไหมดำ (แก้วขนเหล็ก) ก็ตาม ความเชื่อต่างๆ เหล่านั้นล้วนมากับอภินิหาร ที่คนไทยโบราณโดยเฉพาะชาวล้านนาไทย ต่างก็เคยพบเจอ และเชื่อถือมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะความเชื่อในเรื่องของความอยู่ยงคงกระพัน ฟันแทงไม่เข้า ซึ่งหลายคนต่างเชื่อกันว่าเส้นขนสีดำที่อยู่ภายในแก้วไหมดำนั้นแท้จริงแล้วก็คือ “เหล็กไหล” นั่นเอง ด้วยเหตุนี้ ในสมัยก่อนจึงมีผู้นิยมฝัง “แก้วขนเหล็ก” ไว้ตามจุดต่างๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะหัวไหล่ เพราะเชื่อว่าจะทำให้คนผู้นั้นฟันแทงไม่เข้า และไม่มีศาสตราวุธใดจะทำลายได้ หรือในอีกลักษณะหนึ่ง ก็จะมีการนำหินไหมดำนี้มาทำเป็นเครื่องรางของขลัง เช่น จี้รูปวงกลม วงรี หรือทำเป็นหัวแหวนไว้สำหรับสวมใส่ติดกายตลอดเวลา เพื่อป้องกันคุณไสย และสิ่งชั่วร้ายทั้งหลาย ทั้งที่มองเห็นและมองไม่เห็น อีกทั้งยังมีการนำหินไหมดำมาตั้งประดับในบ้าน ในที่สูงเหนือศีรษะขึ้นไป (แต่ต่ำกว่าหิ้งพระ) เพราะเชื่อว่าไหมดำทุกเม็ดมีเทวดาสถิตคุ้มครองอยู่ การบูชาหินไหมดำจะทำให้ครอบครัวร่มเย็น ปลอดภัยจากภัยพิบัติต่างๆ เช่น ไฟไหม้ ฟ้าผ่า เป็นต้น
แต่สำหรับปัจจุบัน ซึ่งวิวัฒนาการทางวิทยาศาสตร์ได้เจริญก้าวหน้าขึ้นมาก จึงมีการนำเอาเส้นขนสีดำที่อยู่ภายในแก้วไหมดำ ซึ่งเป็นอัญมณีชนิดหนึ่งในตระกูลควอตซ์ ออกมาวิเคราะห์ และพบว่า “เหล็กไหล” หรือเส้นขนสีดำในเนื้อแก้ว (ทั้งแบบขุ่น และแบบใส) ที่หลายคนเชื่อถือกันว่า ช่วยให้ผู้ครอบครองมีความอยู่ยงคงกระพันนั้น แท้จริงแล้วก็คือแร่รูไทล์ (Rutile) ธาตุไททาเนียม (Titanium) ซึ่งถือเป็นเป็นแร่โลหะราคาแพง และมีคุณสมบัติทนความร้อนได้อย่างดีเยี่ยมด้วยเช่นกัน จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า ทำไมคนโบราณจึงเชื่อว่า “แก้วขนเหล็ก” มีคุณสมบัติป้องกันไฟไหม้ได้อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม สำหรับคุณสมบัติเฉพาะตัวของไหมดำ หรือแก้วขนเหล็กนั้น คนโบราณเชื่อกันว่า ผู้ใดได้ครอบครองอัญมณีชนิดนี้จะเป็นผู้มีอำนาจ แข็งแกร่ง ห้าวหาญ อยู่ยงคงกระพัน ทั้งยังช่วยป้องกันอันตรายจากภูตผีต่างๆ ได้อีกด้วย ดังนั้นในสมัยโบราณ ‘แก้วขนเหล็ก’ จึงถือเป็นอัญมณีต้องห้าม หนึ่งในจำนวนอัญมณี 24 ชนิด ที่ห้ามสามัญชนคนทั่วไปครอบครอง เพราะถือว่าจะทำให้เป็นผู้ปกครองได้ยาก กระด่างกระเดื่อง และไม่มีผู้ใดปราบปรามได้ นั่นเอง!
บทความดังกล่าวข้างต้นจัดทำโดยทีมงาน บริษัท เลนญ่า จิวเวลรี่ จำกัด ทางเราจึงขอสงวนสิทธิ์ การคัดลอกเนื้อหาทุกบทความของทางบริษัทฯ
กรณีต้องการนำข้อมูลไปใช้หรืออ้างอิง กรุณาติดต่อทีมงานค่ะผ่าน LINE: @LenyaJewelry ค่ะ